เพจ ทนายคู่ใจ ของทนายรณณรงค์ วิเคราะห์ 5 ข้อต่อสู้ “พิยดา” มาตรฐานผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง ฝากข้อคิด “อย่าลืมว่าโจรมันรู้กฎหมาย ยิ่งกว่าสุจริตชนเสียอีก”
จากกรณี น.ส.พิยดา หรือพันซ์ ทองคำพันธ์ อายุ 19 ปี แม่ค้าออนไลน์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง “น้องก้อง” เหยื่อ แก๊งตุ๋นจนเครียดจัดเส้นเลือดแตกตาย ให้ทนายพาเข้ามอบตัวกับผู้การฯเชียงใหม่ ปฏิเสธลั่นไม่เกี่ยวข้องไม่รู้จักกับ 2 สาวที่รับจ้างเปิดบัญชี และไม่เคยคุยกับเด็กชายวัย 14 ปีที่สั่งซื้อไอโฟน ยืนยันทรัพย์สินทุกอย่างได้มาจากการขายสินค้าออนไลน์โดยสุจริต ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เฟซบุ๊กเพจ “ทนายคู่ใจ” ของทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้ออกมาวิเคราะห์ 5 ข้อต่อสู้คดีโกงไอโฟนของ “พิยดากับคำให้การปฏิเสธ” โดยระบุว่า มาวิเคราะห์กันว่า สาเหตุที่พิยดาให้การปฏิเสธ มีจุดประสงค์ หรือเหตุผลอย่างไรกันแน่
1. ปฏิเสธไปก่อนทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากเมืองไทยเป็นระบบกล่าวหา เป็นสิทธิผู้ต้องหา หรือจำเลยอยู่แล้วที่จะปฏิเสธข้อกล่าวหา หากพยานหลักฐานไม่ได้จะแจ้ง หรือจำนนต่อหลักฐาน ก็เป็นเทคนิคการต่อสู้คดี
2. อ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่รู้จักกับผู้เสียหายเลย เป็นการปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนร่วมกับการกระทำความผิด ไม่รู้ไม่เห็น ไม่เกี่ยวข้อง
3. ไม่ได้จ้างใครเปิดบัญชี ปฏิเสธว่าไม่รู้จักกับเจ้าของบัญชีเลย จุดประสงค์คือลองเชิงตำรวจว่าจะสืบถึงความเชื่อมโยงของเส้นทางการเงินได้หรือไม่
4. ไม่ได้โกงใครเลย เลิกขายไปแล้ว ประเด็นนี้ให้การว่าไม่ได้รับเงินมาเลย ไม่ได้มีนิติสัมพันธ์กับทางผู้เสียหายเลยเหมือนกัน
5. ผิดสัญญาทางแพ่ง ท่าไม้ตายในกรณีที่สืบเจอเส้นทางการเงิน อาจหงายไพ่ว่า เป็นการผิดสัญญาทางแพ่ง รับเงินมาจริง แต่เป็นเรื่องที่ส่งมอบของล่าช้า ท้ายสุดก็ให้ศาลตัดสินเอา
เหล่านี้เป็นข้อต่อสู้ที่เป็นมาตรฐานของเหล่ามิจฉาชีพคดีฉ้อโกง ตราบใดที่ไม่มีการจับกุม หรือการทำงานเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็จะมีมิจฉาชีพหัวหมอพวกนี้ออกมาอาละวาด
พร้อมบอกด้วยว่า “อย่าลืมว่าโจรมันรู้กฎหมาย ยิ่งกว่าสุจริตชนเสียอีก”